พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ตำนานยอดพระเครื่องเมืองหลังสวน (๔/๒๔)
พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม วัดถ้ำเขาเงิน : ตำนานยอดพระเครื่องเมืองหลังสวน (๔/๒๔)
โดย.......ชายนำ ภาววิมล.......
ในปี ๒๔๓๒ หรือ ร.ศ. ๑๐๘ ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จประพาสถ้ำเขาเอนและทรงพระราชทานสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งแก่เมืองหลังสวน ๓ สิ่ง คือ รอยจารึกพระปรมาภิไธยย่อ, จปร ๑๐๘ ที่ผนังถ้ำเขาเอน, การบูรณปฏิสังขรณ์พระเจดีย์บนชะง่อนหินหน้าถ้ำเขาเอน. การเปลี่ยนชื่อจาก "ถ้ำเขาเอน" เป็น "ถ้ำเขาเงิน" ยังไม่พบพยานเอกสารใดที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหลวงพ่อแดง พุทโธ มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จพระ พุทธเจ้าหลวงหรือไม่ จะว่ากันด้วยข้อเท็จจริงหรือด้วยจารีตปฏิบัติในสังคม ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบและปกครองดูแลสถานที่ เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงเสด็จประพาสถึงสถานที่นั้น ต้องร่วมรับเสด็จแน่นอน โดยเฉพาะกรณี หลวงพ่อแดง พุทโธ ซึ่งเคยถูกบังคับให้ลาสิกขาบทและนำตัวไปสอบสวนที่พระนครด้วยถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนพวกอั้งยี่ สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทูลเกล้าฯ ถวายรายงานตามระเบียบปฏิบัติของราชสำนักและการเสด็จประพาสเมืองหลังสวนโดยมีถ้ำเขาเอนเป็นส่วนหนึ่งของหมายกำหนดการ คงวิเคราะห์เป็นอย่างอื่นมิได้เพราะเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน
จากคำบอกเล่าของลูกศิษย์ใกล้ชิดที่มีอายุยืนยาวมาถึงปี ๒๕๑๑ ซึ่งเป็นปีที่อาจารย์ชุม ไชยคีรี บันทึกเรื่อง ราวของหลวงพ่อแดง พุทโธ ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในหนังสือประวัติการสร้างพระผงรูปเหมือนหลวงพ่อแดงพุทโธและพระผงรูปเหมือนพระอาจารย์ทองเฒ่า กับบทความในนิตยสารพระเครื่องฉบับต่าง ๆ ที่นักเขียนแต่ละท่านเดินทางไปเก็บรวบรวมรายละเอียดเพิ่มเติมจากคนในพื้นที่ มีสาระสำคัญโดยสังเขปว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติของหลวงพ่อแดง พุทโธ ทั้งทรงมีพระราชดำริที่จะพระราชทานสมณะศักดิ์ให้แก่หลวงพ่อแดง พุทโธ แต่หลวงพ่อแดง พุทโธ บ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับ พระพุทธเจ้าหลวงทรงคะยั้นคะยออย่าง ไรก็ตาม ท่านก็ไม่ยอมรับเช่นเดิม พระพุทธเจ้าหลวงทรงตรัสถามว่าพระคุณเจ้าประสงค์สิ่งใด หลวงพ่อแดง พุทโธ ตอบว่า ท่านไม่ต้องการอะไรนอกจากสิ่งเดียว สิ่งนั้นคือ ต้องการให้เด็กแถวนั้นเรียกท่านว่า "หลวงปู่" หากพระพุทธเจ้าหลวงทรงมีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานสิ่งใดให้แก่ท่านจริง ๆ ขอพระราชทานผ้าธรรมดาผืนเดียวก็พอ นี่คือเหตุการณ์สำคัญที่แสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อแดง พุทโธ เป็นพระอริยะสงฆ์ เป็นพระแท้ที่ไม่มุ่งหวังในลาภยศสรรเสริญเลยแม้แต่น้อย นี่กระมัง..ที่เป็นเหตุให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธาและมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระยาจรูญราชโภคากรดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์พระเจดีย์บนชะง่อนหินหน้าถ้ำเขาเอนที่หลวงพ่อแดง พุทโธ ริเริ่มไว้ โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นค่าใช้จ่ายในการบูรณปฏิสังขรณ์จนเสร็จสิ้น
หลวงพ่อแดง พุทโธ เป็นพระอริยะสงฆ์ที่เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรม มีวาจาสิทธิ์ อำนวยอวยพรให้แก่ผู้ใด ผู้นั้นจักได้รับพรสมจริงตามที่ท่านกล่าวทุกประการ จากความเคยชินที่เอ่ยคำว่า พุทโธ เสมอๆ สาธุชนทั่วไป จึงเรียกขานนามท่านว่า หลวงพ่อแดง พุทโธ ทั้งเป็นพระอริยะสงฆ์ที่ละสังขารในท่านั่งสมาธิและรู้การแตกดับของสังขารล่วงหน้า ในวันที่หลวงพ่อแดง พุทโธ ละสังขาร (ปี ๒๔๗๖ สิริอายุได้ ๙๗ ปี) ท่านสั่งให้พระคล้อย ฉิ่งวังตะกอ (ต่อมาลาสิกขาบทและเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ ๖ ตำบลวังตะกอ) ไปแจ้งข่าวแก่พระครูภมรจริยคุณที่วัดสมุหเขตตาราม (วัดหัววัง) ว่าหลวงพ่อจะมรณภาพวันนี้ตอนบ่าย ทั้งให้กำชับว่าเมื่อท่านมรณภาพแล้วให้จัดบูชาเพลิงที่ต้นสารภีใกล้กุฏิของท่าน
พระครูภมรจริยคุณมาถึงวัดถ้ำเขาเงินหลังจากที่หลวงพ่อแดง พุทโธ ได้ละสังขารไปแล้ว จึงมิได้รับฟังเรื่องการบูชาเพลิงฯ จากปากของหลวงพ่อแดง พุทโธ ด้วยตนเองว่าท่านมีความประสงค์อย่างไร พระครูภมรจริยคุณได้ปรึกษากับญาติโยมพร้อมกันแล้ว จึงอัญเชิญสรีระของหลวงพ่อแดง พุทโธ ไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดสมุหเขตตาราม ๗ วัน ๗ คืน เมื่อครบกำหนดแล้วเก็บสรีระของท่านไว้เพื่อรอบูชาเพลิงต่อไป ครั้นถึงกำหนดเวลาอันสมควร พระครูภมรจริยคุณ จัดพิธีบูชาเพลิงที่วัดสมุหเขตตาราม เมื่อถึงเวลาที่จะยกสรีระหลวงพ่อแดง พุทโธ ขึ้นเมรุ ปรากฏว่ายกไม่ขึ้น ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น มิหนำซ้ำ คนที่เข้าไปช่วยยกก็มีอาการเป็นไปต่างๆ นานา ร้อนถึงพระครูภมรจริยคุณต้องตัดสินใจนำสรีระหลวงพ่อแดง พุทโธ กลับไปบูชาเพลิงที่วัดถ้ำเขาเงินตามที่หลวงพ่อแดง พุทโธ สั่งไว้ ทุกสิ่งจึงเสร็จสิ้นไปในที่สุด
นิ้วเพชร: อิทธิปาฏิหาริย์ในสำนักถ้ำเขาเงินที่เล่าขานไม่รู้จบ
การละเว้นหรือไม่หยิบยกเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ในชีวประวัติยอดพระเกจิอาจารย์ระดับตำนานของแต่ละเขตพื้นที่มานำเสนอถือว่าเป็นเรื่องผิด ผิดเพราะอิทธิปาฏิหาริย์เป็นเรื่องที่นักนิยมพระเครื่องส่วนใหญ่อยากรู้และเป็นเหตุที่นำไปสู่ศรัทธา ศรัทธาที่ปรุงแต่งและคงไว้ซึ่งความเป็นพระเกจิ อาจารย์ระดับตำนานอย่างต่อเนื่อง อภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อแดง พุทโธ เป็นเกล็ดประวัติที่อาจารย์ชุม ไชยคีรี รวบรวมจากคำบอกเล่าของศิษย์ใกล้ชิด ๖ คน ประกอบด้วย นายหนู ศักดิ์แสง (ศิษย์ก้นกุฏิของหลวงพ่อแดง พุทโธ ขณะให้ข้อมูล มีอายุ ๘๐ ปี), นายซ้อน เพชรโสม, นายพร้อม ศิริรัตน์, นายชวน ยิ่งศิริ, นายสุวรรณ ศิริรัตน์, นายอ้อน ชาวสมุทร และบันทึกไว้ในหนังสือประวัติความเป็นมาในการสร้างพระรูปเหมือนหลวงพ่อแดง พุทโธ เนื้อว่าน เมื่อปี ๒๕๑๑ คำบอกเล่าที่อาจารย์ชุม ไชยคีรี รวบรวมไว้เป็นข้อมูลพื้นฐานที่นักเขียนในนิตยสารพระเครื่องยุคต่อมาศึกษาค้นคว้า หาข้อมูลเพิ่มเติมและในนำเสนอในนิตยสารพระเครื่องต่างๆ หลายฉบับ อิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ ของหลวงพ่อแดง พุทโธ ที่พึงหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังมีดังนี้
๑. รักษาโรคด้วยนิ้วเพชร นายหนู ศักดิ์แสง เล่าว่า นิ้วเพชรของหลวงพ่อแดง พุทโธ ไม่ต้องตัดเล็บเลย เล็บของท่านไม่เคยยาวออกมาเลย ใครเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นโรคอะไรมา ไม่ว่าจะเป็นฝี ปวดท้อง แผลเน่าเปื่อย เมื่อมาถึง หลวงพ่อแดง พุทโธ จะกล่าวคำว่า พุทโธๆ พุทโธเอย พุทโธจา แล้วชี้ด้วยนิ้วเพชร ปรากฏว่าหายทุกราย เรื่องนี้ผู้เรียบเรียงเคยสอบทานกับพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ได้ความเพิ่มเติมว่า นิ้วเพชรของหลวงพ่อแดง พุทโธ มีลักษณะคดงอไม่ตรงเหมือนนิ้วคนปกติและเป็นมาแต่กำเนิด และมีเรื่องเล่าดังนี้ ครั้งหนึ่ง มีพระภิกษุรูปหนึ่งไปตั้งกองตัดไม้สร้างพระอุโบสถที่บ้านทุ่งแร่ หมู่ ๑๐ ตำบลวังตะกอ จะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเหตุใดสุดจะคาดเดาได้ พระภิกษุรูปนั้นตั้งทับอยู่ใกล้หนองนาคบุค ซึ่งเป็นที่เล่าลือกันว่าหนองน้ำแห่งนี้เป็นปราบโป่ง มีเทพารักษ์สิงสถิตอยู่ ผู้ใดกระทำไม่ดีหรือไม่ถูกไม่ควร มักถูกลงโทษเสมอ จนเป็นที่หวาดเกรงของชาวบ้านทุ่งแร่ เช้าวันหนึ่ง พระภิกษุรูปนั้นไปตักน้ำในหนองนาคบุคที่ใสสะอาดมาล้างหน้า แล้วปล่อยให้น้ำนั้นไหลลงไปในหนอง ปรากฏว่าจมูกของพระภิกษุรูปนั้นโตบวม รักษาด้วยยาอะไรก็ไม่หาย เป็นอย่างนี้อยู่หลายวัน จึงไปหาหลวงพ่อแดง พุทโธ ที่วัดถ้ำเขาเงิน แล้วพูดว่า ขรัวแดงที่เขาว่าเก่งนัก ลองชี้จมูกให้หายบวมสักที ทันใดนั้น หลวงพ่อแดง พุทโธ กล่าวขึ้นว่า พุทโธ ๆ พุทโธเอย พุทโธจา พร้อมทั้งยกนิ้วเพชรชี้ไปที่จมูก พอลดนิ้วเพชรลง จมูกที่โตก็ค่อย ๆ ยุบลง จนหายเป็นปกติ
๒. ใช้นิ้วเพชรชี้ไม้ตะเคียนให้ขึ้นจากวังน้ำวาน สมัยที่ท่านเจ้าคุณพระธรรมารามคณีสุปรีชาสังฆปาโมกข์ (หนู อชิโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดโตนดและเจ้าคณะจังหวัดหลังสวน ดำเนินการสร้างพระอุโบสถนั้น ท่านใช้คนงานมาตัดต้นตะเคียนที่หน้าถ้ำเขาเงิน เมื่อคนงานโค่นต้นตะเคียนลงมา ด้วยลักษณะภูมิประเทศหน้าถ้ำเขาเงินเป็นตลิ่งสูง เป็นช่วงหัวโค้งของแม่น้ำหลังสวน ทำให้กระแสน้ำที่ไหลมากระทบเขาเงินเกิดเป็นวังน้ำวน ต้นตะเคียนเลยตกลงไปในวังน้ำวน ใช้คนมากสักเท่าไหร่ก็ไม่สามารถดึงต้นตะเคียนขึ้นมาได้ ท่านเจ้าคุณฯ จึงไปนิมนต์หลวงพ่อแดง พุทโธ มาช่วย เมื่อหลวงพ่อแดง พุทโธ นั่งเสลี่ยงที่ท่านเจ้าคุณฯ จัดให้มาถึงหน้าถ้ำเขาเงิน ก็ให้นายแดง สัจจาครุฑ นำเชือกไปผูกที่ต้นตะเคียน แล้วให้คนงานช่วยกันดึง ขณะเดียวกัน หลวงพ่อแดง พุทโธ ยืนบริกรรมและใช้นิ้วเพชรชี้ไปที่ต้นตะเคียน ทันใดนั้น คนงานสามารถดึงตะเคียนขึ้นมาบนฝั่งได้โดยง่าย สร้างความตื่นเต้นและอัศจรรย์ใจแก่ชาวบ้านที่มามุงดูอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
๓. ช่วยคนถูกงูกัด นายพร้อม ศิริรัตน์ เล่าว่าสมัยที่ตนบวชอยู่กับหลวงพ่อแดง พุทโธ ถูกงูกะปะกัด มีความเจ็บปวดมาก จึงไปหาหลวงพ่อแดง พุทโธ ให้ช่วยปัดเป่าให้ หลวงพ่อแดง พุทโธ พูดว่า จาพุทโธ เอย จาเอย แล้วใช้นิ้วเพชรชี้ไปที่แผลที่ถูกงูกัด พร้อมทั้งออกคำสั่งให้หายเจ็บ ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น นายพร้อม ศิริรัตน์ ก็หายปวดทันที
๔. เสกกระต่ายขูดมะพร้าวให้ชนกัน นายหนู ศักดิ์แสง ศิษย์ก้นกุฏิของหลวงพ่อแดง พุทโธ เล่าว่าวันใดที่หลวงพ่อแดง พุทโธ อารมณ์ดีกว่าปกติที่เคยเป็น ท่านจะทดลองวิชาและแสดงอภินิหารให้ดู บ่ายวันหนึ่ง ท่านสั่งให้ลูกศิษย์สองคนไปเอากระต่ายขูดมะพร้าวจากกุฏิแม่ชี กระต่ายไม้สองตัวนี้มีลักษณะพิเศษคือแกะให้มีอวัยวะครบ ถ้วนสมบูรณ์ มีหูมีตา มีจมูกมีปาก พอได้มาแล้ว หลวงพ่อแดง พุทโธ ให้ตั้งกระต่ายขูดมะพร้าวห่างจากกันสองวาโดยประมาณ เอาผ้าคลุมไว้ จากนั้นก็ภาวนาเสกไปพลางเป่าไปพลาง เสกจนกระต่ายขูดมะพร้าวสองตัวเต้าไปเต้นมา จึงให้เอาผ้าคลุมออก จากนั้น กระต่ายขูดมะพร้าวทั้งสองตัวก็กระโดดเข้าชนกัน เป็นที่สนุกสนานพออกพอใช้ของลูกศิษย์ทั้งหลายทั้งปวง
๕. ประจุอักขระวิเศษให้ลูกศิษย์ นายหนู ศักดิ์แสง เล่าว่าหลวงพ่อแดง พุทโธ มีความเมตตากับลูกศิษย์ทุกคน สุดยอดวิชาอย่างหนึ่งที่ท่านลงให้กับลูกศิษย์เป็นประจำคือ การประจุอักขระวิเศษ พิธีกรรมเริ่มจากหลวงพ่อแดง พุทโธ เขียนอักขระขอม อาทิ นะ โม พุท ธา ยะลงบนกระดานชนวนแล้วให้ลูกศิษย์เลือกตัวที่ชอบที่สุด เมื่อเลือกได้แล้ว หลวงพ่อแดง พุทโธ จะถามว่าให้เอาไว้ตรงไหน ถ้าตอบว่าที่หน้าผาก อักขระตัวนั้นจะไปปรากฏที่หน้าผากโดยไม่ต้องเขียนเลย แล้วค่อยๆ เลือนหายไป อักขระวิเศษนี้มักเน้นไปด้านเมตตามหานิยม ถ้าต้องการให้อักขระวิเศษนี้ปรากฏขึ้นมาเมื่อใด ให้ประนมมือขึ้น ระลึกถึงหลวงพ่อแดง พุทโธ แล้วยกมือขวาตบที่หน้าผากสามครั้ง อักขระที่ประจุไว้จะปรากฏให้เห็นทันที เรื่องนี้ นายหนู ศักดิ์แสง แสดงให้อาจารย์ชุม ไชยคีรี และสาธุชนที่ไปร่วมในพิธีสร้างพระรูปเหมือนหลวงพ่อแดง พุทโธ ที่ถ้ำเขาเงิน เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๑ ได้ชมกันอย่างทั่วหน้า พยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น คือ อาจารย์นับ ธรรมภักดี (ผู้เรียบเรียงไม่ได้พบกับอาจารย์นับ ธรรมภักดี เกือบยี่สิบปีแล้ว เลยไม่ทราบว่าท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ อายุของอาจารย์นับ ธรรมภักดี คงจะเลยแปดสิบไปพอสมควร)
๖. เสกน้ำเป็นเหล้า นายช้อน เพชรโสม เล่าว่าวันหนึ่งชาวบ้านจำนวนมากมาช่วยงานเลื่อยไม้สร้างกุฏิ พอตกเย็น ทุกคนต่างก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาก หลวงพ่อแดง พุทโธ เห็นเช่นนั้นก็เกิดความเมตตา คิดอยากให้ทุกคนผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ครั้นจะเลี้ยงอาหารก็ไกลจากวัด ทั้งเป็นเวลาเย็น จะจัดอะไรมาเลี้ยงก็ไม่ทัน จึงสั่งให้ชาวบ้านที่มาช่วยงานไปตักน้ำมาใส่โอ่ง หลวงพ่อแดง พุทโธ ทำพิธีเสกน้ำในโอ่ง จากนั้นบอกให้นำน้ำในโอ่งไปดื่มกิน และสำทับว่าอย่ากินกันให้มาก เดี่ยวจะเมา ชาวบ้านต่างพากันมาตักน้ำไปดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน หากเหน็ดหายเหนื่อยกันเป็นปลิดทิ้ง มีรายหนึ่งที่ดื่มมากไปหน่อย เพื่อนเลยต้องหามกลับไปนอนบ้าน
๗. หลวงพ่อแดง พุทโธ กำบังตัวได้ นายกลับ รื่นอุทัย เป็นผู้เล่า ความมีอยู่ว่า ตอนที่นายกลับ รื่นอุทัย บวชอยู่กับหลวงพ่อแดง พุทโธ วันหนึ่งหลวงพ่อแดง พุทโธ เรียกเข้าไปหา เมื่อไปถึงเห็นหลวงพ่อแดง พุทโธ นั่งอยู่ตรงหน้ากุฏิ กราบนมัสการท่านเสร็จแล้วก็นั่งสงบนิ่ง หลวงพ่อแดง พุทโธ บอกให้นั่งก่อนและให้หลับตาชั่วอึดใจ พอลืมตาขึ้นมาก็ไม่เห็นหลวงพ่อแดง พุทโธ ในใจคิดว่าท่านคงเดินเข้าไปในกุฏิ นั่งรอท่านสักประเดี๋ยว ก็เห็นท่านนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้เดินหายไปไหน สักพัก ท่านก็พูดขึ้นมาว่านี่คือวิชากำบังตัว เรื่องการกำบังตัวนี้ พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เล่าให้ผู้เรียบเรียงฟังเมื่อครั้งที่ไปร่วมงานพิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งปวเรศเขาเงิน ว่า หลวงพ่อแดง พุทโธ รักเด็กมาก ในบั้นปลายชีวิตของท่าน วันหนึ่งๆ จะมีเด็กเข้ามาวิ่งเล่นข้าง ๆ ตัวท่านเสมอ บางครั้งก็เข้าไปเล่นถึงในกุฏิของท่าน วันหนึ่ง หลวงพ่อแดง พุทโธ นึกสนุกขึ้นมา เลยชวนเด็กเหล่านั้นเล่นซ่อนหา พอปิดตาเด็กคนหนึ่งเสร็จ ก็เริ่มหากัน ไม่นานนักก็จับทุกคนได้ เว้นแต่หลวงพ่อแดง พุทโธ รูปเดียวที่หาอย่างไรก็หาไม่เจอและก็ไม่มีใครเห็นท่านลงจากกุฏิเลย หาตั้งนานก็ไม่เจอ ขนาดเอาไม้ตีแหวกหาก็ไม่เจอ ต่อเมื่อทุกคนยอมแพ้ จึงหาตัวท่านเจอ เสียดายที่ตอนนั้นปากหนัก ไม่ได้ถามพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ว่าท่านเป็นหนึ่งในกลุ่มนี้หรือไม่
เรื่องปาฏิหาริย์และความมหัศจรรย์ต่าง ๆ ที่เล่าขานกันมา เท็จจริงเป็นอย่างไรเป็นเรื่องที่ยากจะพิสูจน์ได้ แต่อย่างน้อยที่สุด ก็เป็นเรื่องเล่าที่มีการบันทึกว่าใครเป็นผู้เล่า เรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นและกาลเวลาผ่านไปนานกว่า ๘๐ ปี ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อยู่ในเหตุการณ์ ทันเหตุการณ์ น่าจะลาลับจากโลกนี้ไปนานแล้ว เพราะขณะที่ให้ข้อมูลกับอาจารย์ชุม ไชยคีรี แต่ละคนก็มีอายุแตะ ๗๐ ๘๐ ปีกันแล้ว คงเหลือไว้แต่พยานเอกสารที่อาจารย์ชุม ไชยคีรี บันทึกไว้เมื่อปี ๒๕๑๑ และบทความในนิตยสารพระเครื่องต่างๆ ที่นักเขียนอาวุโสในวงการพระเครื่องเรียบเรียงไว้ และในปีที่หลวงพ่อแดง พุทโธ ละสังขาร (๒๔๗๖) พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เพิ่งมีอายุเพียง ๑๓ ปี เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต จึงเป็นตำนานที่เล่าสู่กันฟังในหมู่ลูกศิษย์สายนี้
(ติดตามตอนต่อไปในตอนที่ ๕/๒๔)
อุทยานพระเครื่อง โดย... ชายนำ ภาววิมล ... (utthayanphra.com)
๓๐ - ๑๐ - ๒๕๖๗