แชร์

พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ตำนานยอดพระเครื่องเมืองหลังสวน (๑๐/๒๔)

อัพเดทล่าสุด: 1 ธ.ค. 2024
46 ผู้เข้าชม

พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม วัดถ้ำเขาเงิน : ตำนานยอดพระเครื่องเมืองหลังสวน (๑๐/๒๔)

 โดย.......ชายนำ ภาววิมล.......

           จากนิตยสารพระเครื่องลานโพธิ์ ฉบับที่ ๑๑๗๒ ซึ่งเป็นตอนแรกของเรื่องพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม : ตำนานยอดพระเครื่องเมืองหลังสวน
เรื่อยมาถึงตอนที่ ๑๐ ในฉบับนี้ (ฉบับที่ ๑๑๘๑) ผู้เรียบเรียงนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เมืองหลังสวน ความเป็นมาของถ้ำเขาเงิน ชีวประวัติและตำนานพระเครื่องที่จัดสร้างในนามและรูปของหลวงพ่อแดง พุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาเงิน สุดยอดแห่งพระเครื่องที่พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ร่วมกับอาจารย์ชุม ไชยคีรี จัดสร้างขึ้นในปี ๒๕๑๑ หลายท่านอาจเข้าใจว่าการดำเนินงานในครั้งนั้น สำเร็จขึ้นได้ด้วยบารมีของหลวงพ่อคง สิริมโต กับ อาจารย์ชุม ไชยคีรี แท้จริงแล้ว การดำเนินงานจัดสร้างพระเครื่องในรูปและนามของหลวงพ่อแดง พุทโธ เป็นความริเริ่มและสำเร็จได้ด้วยความสามารถและความอุตสาหะของพระอธิการเจ้าวัดถ้ำเขาเงิน พระภิกษุหนุ่มที่มีอายุและพรรษาน้อยมาก ว่ากันไปตามจริง ตอนนั้น พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เพิ่งมีอายุ ๔๘ ปี พรรษา ๗ ทั้งเป็นเจ้าอาวาสได้เพียงปีเศษ แต่มีบารมีมากเกินพอที่จะจัดพิธีกรรมครั้งยิ่งใหญ่ในเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม ๒๕๑๑ พิธีกรรมที่ได้ชื่อว่าเป็นตำนานแห่งลุ่มน้ำหลังสวน ตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมาไม่รู้จบ นักนิยมพระเครื่องในชั้นหลัง ทราบแต่เพียงว่าอาจารย์ชุม ไชยคีรี เป็นเจ้าพิธี พระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อ ๔ รูป ประกอบด้วย พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา, หลวงพ่อคง สิริมโต วัดบ้านสวน, พระอาจารย์ปาล ปาลธมฺโม วัดเขาอ้อ, หลวงพ่อหมุน ยสโร วัดเขาแดง ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก ข้อเท็จจริงหลายประการ ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงมากนัก

         ประการแรก พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม และพระครูปลัดพวง วุฑฒิสาโร วัดประสาทนิกร (หนึ่งในพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าเมืองหลังสวน) ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วย หากพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ไม่แน่จริง คงไม่มีโอกาสเข้าไปนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสกร่วมกับยอดพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อในขณะนั้นเป็นแน่แท้

          ประการที่สอง ประธานจุดเทียนชัยในพิธี ฯ นี้ คือ พระปกาศิตพุทธศาสน์ (บุญชวน เขมาภิรัต) เจ้าคณะจังหวัดชุมพร พระสุปฏิปันโนผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น"เมธีสงฆ์แห่งหลังสวน" ต่อมาได้เลื่อนสมณะศักดิ์เป็น"พระราชญาณกวี" พระปกาศิตพุทธศาสน์รูปนี้เป็นหนึ่งในสามสหายธรรม ผู้ยึดปณิธานแห่งชีวิตตรงกัน แล้วแยกกันปฏิบัติศาสนกิจและเผยแผ่พระธรรมของพระบรมศาสดา นับถือกันเหมือนพี่น้อง ประกอบด้วย พี่ใหญ่ พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) สวนโมกขพลาราม, พี่รอง พระราชญาณกวี (บุญชวน เขมาภิรัต) น้องเล็ก พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) วัดชลประทานรังสฤษฏิ์ การที่พระราชาคณะผู้มีอำนาจหน้าที่ในการปกครองคณะสงฆ์ในเขตพื้นที่เดินทางมาเป็นประธานในพิธีจุดเทียนชัยนั้น เป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นได้เสมอ ๆ แต่การที่หนึ่งในสามสหายธรรมผู้ก้าวข้ามวังวนของอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีจุดเทียนชัยของวัดเล็ก ๆ ที่มีพระภิกษุจำพรรษาเพียง ๕ รูป คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน ข้อมูลจากหนังสือ พ่อหลวงคล้อย ฐานธมฺโม วัดถ้ำเขาเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร วันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๙ ครบรอบ ๑๐๐ วัน ระบุว่า "พระเดชพระคุณพระธรรมจารีมุนีวงศาจารย์ (จันทร์ โกศโล) หรือเจ้าคุณเฒ่า อดีตเจ้าอาวาสวัดขันเงินและเจ้าคณะจังหวัดชุมพร เป็นญาติผู้ใหญ่ของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ได้ให้พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ไปอยู่ที่วัดขันเงินเพื่อให้ช่วยเหลือท่านในการสร้างพระอุโบสถวัดขันเงิน โดยมอบหมายให้พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม นำช้างไปชักลากไม้ที่ตำบลปังหวาน อำเภอพะโต๊ะ มาสร้างพระอุโบสถวัดขันเงิน (หลังปัจจุบัน) เมื่อช่วยงานสร้างพระอุโบสถวัดขันเงินตามสมควรแล้ว พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ขออนุญาตพระเดชพระคุณพระธรรมจารีมุนีวงศาจารย์อุปสมบทในพระบวรพุทธศาสนาเพื่ออุทิศกุศลแด่โยมบิดาโยมมารดาที่ล่วงลับไปแล้ว เมื่ออุปสมบทแล้ว จำพรรษาและศึกษาพระธรรมวินัยที่สำนักวัดขันเงิน สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก" ความสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามไปได้คือ   ๑) พระปกาศิตพุทธศาสน์ (บุญชวน เขมาภิรัต) เจ้าคณะจังหวัดชุมพร เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกให้พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม มาเป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาเงิน ๒) ต่อมา พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูใบฎีกาคล้อย ฐานธมฺโม ฐานานุกรมของเจ้าคณะจังหวัดชุมพร

          ข้อมูลที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ ตอนที่พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม อายุได้ ๑๙ ปี โยมบิดาและโยมมารดาของท่านให้ท่านไปบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดประสาทนิกรซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้บ้าน ในสมัยนั้น หลวงพ่อขำ วฑฺฒนเถระ ยอดพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าของเมืองหลังสวนยังมีชีวิต  คะเนว่าขณะนั้น หลวงพ่อขำ วฑฺฒนเถระ น่าจะมีอายุในราว ๘๗ ปี (หลวงพ่อขำ วฑฺฒนเถระ มรณภาพวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๑ สิริอายุ ๙๖ ปี พรรษา ๗๖) หลวงพ่อขำ วฑฺฒนเถระ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีเมตตาธรรมสูง เชี่ยวชาญในเรื่องสมุนไพร เป็นที่พึ่งพิงของคนในท้องถิ่นโดยทั่วไป ตลอดระยะเวลาสองปีที่บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดประสาทนิกร พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ปรนนิบัติรับใช้พระอาจารย์ของท่านอย่างใกล้ชิด จนเป็นที่เมตตารักใคร่ของหลวงพ่อขำ วฑฺฒนเถระ นอกจากการอบรมสั่งสอนจากพระอาจารย์โดยตรงแล้ว หลวงพ่อขำ วฑฺฒนเถระ มอบหมายให้ท่านอยู่ในการดูแลของพระครูอาทรธรรมวัตร (ชบ สุจิณโณ) เจ้าสำนักปริยัติธรรมและปฏิบัติกรรมฐานวัดประสาทนิกร พระครูอาทรธรรมวัตร รูปนี้เป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อขำ วฑฺฒนเถระ ที่เชี่ยวชาญในพระเวทวิทยาคมและมีพลังจิตแก่กล้า จึงเป็นเหตุที่เกื้อหนุนให้พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ได้ศึกษาเรียนรู้และสอบไล่ได้เป็นนักธรรมตรี เจริญภาวนาและฝึกปฏฺบัติเพื่อพัฒนาจิต รวมตลอดทั้งการศึกษาเรียนรู้เรื่องยาสมุนไพร

          ข้อสังเกตทั้งสามประการดังกล่าวข้างต้น เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ทำให้ผู้เรียบเรียงมีความโน้มเอียงที่จะเชื่อว่าการที่พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เป็นหนึ่งในหกพระเกจิอาจารย์ที่ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกในพิธีเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม ๒๕๑๑  มิได้เป็นเพราะท่านเป็นศิษย์สำนักเขาอ้อ นอกเขตพื้นที่จังหวัดพัทลุง แต่พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม มีสถานะเป็นพระเกจิอาจารย์เมืองหลังสวนที่ได้รับการบ่มเพาะทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติมาจากสำนักใหญ่เมืองหลังสวน ๒ สำนักคือ สำนักวัดขันเงิน และ สำนักวัดประสาทนิกร ทั้งเป็นเจ้าภาพในการสร้างพระหลวงพ่อแดง พุทโธ ที่นักนิยมพระเครื่องยุคใหม่เรียกกันติดปากว่า พระหลวงพ่อแดง พุทโธ รุ่นเสด็จกลับ บทบาทและสถานะของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ย่อมไม่ธรรมดาและมิได้อยู่ในสถานะศิษย์สำนักเขาอ้อแน่นอน ข้อมูลสนับสนุน คือ

            ๑) บันทึกตอนหนึ่งของอาจารย์นับ ธรรมภักดี ที่ว่า "หลวงพ่อคล้อยได้ปรึกษากับคุณเบญจางค์ เลขะกุล ผู้จัดการธนาคารออมสินสาขาหลังสวนเชิญอาจารย์ชุม ไชยคีรี อาจารย์ผู้มีความสามารถจากสำนักเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง เกจิอาจารย์คฤหัสถ์ผู้มีชื่อเสียงเด่นดังแห่งยุค มาเป็นเจ้าพิธีดำเนินการ" ข้อความตรงนี้ เป็นนัยที่แสดงให้เห็นว่าพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม กับอาจารย์ชุม ไชยคีรี ไม่น่าจะรู้จักกันมาก่อน สันนิษฐานว่าน่าจะเริ่มสนิทสนมคุ้นเคยและพัฒนาไปเป็นสหธรรมิกกับอาจารย์ชุม ไชยคีรี หลังจากพิธีสร้างพระหลวงพ่อแดง พุทโธ เสร็จสิ้นและเดินทางไปแจกวัตถุมงคลให้ทหาร ตำรวจ พลเรือนและผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์

           ๒) จากคำบอกเล่าของอาจารย์วุฒิ (อาจารญ์พิเศษมหาวิทยาลัยเอกชนท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดและปรนนิบัติรับใช้บีบนวดพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เป็นประจำ) สรุปใจความได้ว่า พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ยกย่องอาจารย์ชุม ไชยคีรี ว่าเป็นเสมือนศิษย์พี่ของท่าน การเรียนรู้กระทำการสิ่งใด อาจารย์ชุม ไชยคีรี มักทำได้ก่อนท่านเสมอ โดยเฉพาะสรรพวิชาต่าง ๆ ที่เชื่อกันว่าอาจารย์ชุม ไชยคีรี และพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ศึกษาเล่าเรียนจากวิญญาณหลวงปู่คง อาจารย์ของขุนแผน ทั้งยังกล่าวว่าพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เป็นพระที่รู้คุณ ให้เกียรติ และยกย่องพระเกจิอาจารย์รูปอื่นเสมอ ไม่ว่าพระเกจิอาจารย์รูปนั้นจะมีอาวุโสมากหรือน้อยกว่าท่าน แม้เป็นการแลกเปลี่ยนวิชาเพียงเล็กน้อย พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ก็ยกย่องว่าเป็นครูบาอาจารย์ของท่าน คำบอกเล่านี้ สอดคล้องกับบันทึกของอาจารย์นับ ธรรมภักดี อีกตอนหนึ่งว่า ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๑ เป็นต้นมา หลวงพ่อคล้อยไม่เคยว่างเว้นจากการปฏิบัติภาวนา หลวงพ่อพยายามปฏิบัติเป็นประจำและเน้นหนักมากยิ่งขึ้น มีโอกาสได้ศึกษาพุทธาคมจากคณาจารย์สำนักเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง หลายรูป อาทิ พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ พระครูพิพัฒน์สิริธร พระครูปาล พระอาจารย์หมุน และโดย เฉพาะพระอาจารย์ศรีเงิน หลวงพ่อจะไปพบหาปรึกษาบ่อย ๆ ....

         การแสวงหาคำตอบเหล่านี้ มิได้มีเจตนาที่จะหาข้อมูลมาตอบคำถามว่าพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เป็นศิษย์สายเขาอ้อหรือไม่ แต่เป็นความพยายามในการศึกษาเพื่อตอบวิจิกิจฉาของกัลยาณมิตรของผู้เรียบเรียงท่านหนึ่งที่เคยกล่าวกับผู้เรียบเรียงว่า มีศิษย์สายเขาอ้อกลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมรับว่าพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เป็นศิษย์สายเขาอ้อ จะใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรมากนัก พิจารณาด้วยหลักเหตุและผล ข้อสรุปที่ได้คงปฏิเสธมิได้ว่า ๑) พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ใฝ่ศึกษาเรียนรู้ทั้งปริยัติและปฏิบัติ รวมตลอดทั้งพุทธาคมสายต่างๆ ภูมิหลังเป็นศิษย์สำนักวัดขันเงิน และวัดประสาทนิกร ซึ่งเป็นวัดของพระเกจิอาจารย์ผู้เฒ่าผู้เรืองวิทยาคมแห่งเมืองหลังสวน ๒) ความสัมพันธ์กับพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อ เป็นไปในลักษณะที่เป็นสหธรรมิกกับอาจารย์ชุม ไชยคีรี ที่ศึกษาเรียนสรรพวิชาต่างๆ ของหลวงพ่อคง อาจารย์ของขุนแผน วิชาที่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักในหมู่ลูกศิษย์เป็นอย่างดี คือ การเป่าทองเข้าตัว ส่วนพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าของสำนักเขาอ้อนั้น เป็นการเดินทางไปขอความรู้เพิ่มเติม วิชาหนึ่งที่อาจารย์วุฒิช่วยรื้อฟื้นความทรงจำให้ผู้เรียบเรียง คือ ไปขอความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการติดต่อโลกวิญญาณจากหลวงพ่อหมุน ยสโร วัดเขาแดง วิชานี้พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เคยเรียนรู้มาก่อนแต่มีข้อติดขัดบางประการ เมื่อเดินไปขอความรู้จากหลวงพ่อหมุน ยสโร ก็เกิดความกระจ่างและสามารถทำได้ในที่สุด ส่วนพระอาจารย์ศรีเงิน น่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันมากกว่าการขอความรู้ เพราะช่วงหลังปี ๒๕๑๑ พระเกจิอาจารย์ระดับอาวุโสของสำนักเขาอ้อยังมีชีวิตอยู่ วิชาสายเขาอ้อที่พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม นำมาใช้หลายครั้งหลายหนคือ พิธีหุงข้าวเหนียวดำตามตำรับเขาอ้อ การใช้วิชาของสำนักเขาอ้อโดยปกติพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม จะไม่กระทำโดยพลการ จะลงมือทำก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าสำนักเขาอ้อ เหตุการณ์สำคัญที่ผู้เรียบเรียงอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย คือ พิธีหุงข้าวเหนียวดำครั้งแรกที่วัดถ้ำเขาเงิน เหตุที่ท่านตัดสินใจจัดพิธีเพราะทนการรบเร้าของคณะศิษย์ฯ มิได้ การจัดครั้งนี้ พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม นิมนต์พระครูกาชาด (บุญทอง) มาเป็นประธานในพิธีและขอให้พระครูกาชาดทำการป้อนข้าวเหนียวดำให้กับบรรดาลูกศิษย์ของท่าน พระครูกาชาดเมตตาป้อนข้าวเหนียวดำให้พอเป็นพิธี จากนั้น หันมาพูดกับพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ว่า "ท่านคล้อย ทำเองได้มิใช่หรือ ต่อไปก็ทำเองเถอะ ไม่ต้องนิมนต์ฉันมาทำพิธีให้หรอก" เมื่อพระครูกาชาด เจ้าสำนักเขาอ้อ เปิดทางให้แล้ว พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ก็ทำพิธีหุงข้าวเหนียวดำสืบต่อมาอีกหลายครั้ง

          ตลอดระยะเวลา ๗ ปี ที่ผู้เรียบเรียงสัมผัสและเรียนรู้วิถีการครองสมณะเพศของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ยอดพระเกจิอาจารย์ลุ่มน้ำหลังสวน วิชาหลักที่ท่านใช้เป็นกุศโลบายในการแสวงหาแนวร่วมเพื่อบูรณะและพัฒนาวัดถ้ำเขาเงิน จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นวิชาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสร้างชื่อเสียงเกียรติคุณของท่านให้แพร่ขยายไปอย่างรวดเร็ว คือ การเป่าทอง การเป่าทองของท่านมีลักษณะแตกต่างกับพระเกจิอาจารย์ทั่ว ๆ ไป ความพิสดารในการเป่าทองของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม อยู่ที่การเป่าทองโดยไม่ต้องแกะแผ่นกระดาษที่ห่อหุ้มทองออก ในขณะทำพิธี ผู้ที่ได้รับการเป่าทอง จะมีความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเคลื่อนที่เข้ามาในศีรษะของตน จำนวนแผ่นทองที่เป่าในแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกัน สุดแล้วแต่ท่านจะหยิบขึ้นมา บางคนอาจเป่าเข้าไม่ถึงสิบแผ่น บางคนอาจจะเข้าถึงยี่สิบกว่าแผ่น สำหรับตัวผู้เขียนเองเคยได้รับความเมตตาจาก พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ในการเป่าทอง ๓ ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกเข้าไป ๑๙ แผ่น ต่อมาก็เป็น ๑๒ แผ่น ๑๖ ตามลำดับ สถิติสูงสุดที่ผู้เขียนพบเห็นด้วยตนเอง มิใช่คำบอกเล่าของผู้อื่น ก็คือ ๒๐ แผ่น

          นอกจากการเป่าทองเข้าตัวแล้ว พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ยังมีวิชาอีกหลายอย่างที่พระเกจิอาจารย์ในยุคสมัยเดียวกันน้อยรูปนักที่จะทำได้ อาทิ น้ำมนต์ทองบัวบาน เป็นวิชาที่ใช้ในการทำนายทายทักโชคชะตาให้กับลูกศิษย์ลูกหา หลังจากที่ได้รับการเป่าทองเข้าตัวแล้ว ในช่วง ๕ - ๖ ปีก่อนที่ท่านจะมรณภาพ พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโมแทบจักไม่ได้ใช้วิชานี้เลย เพราะท่านต้องตรากตรำกับการเป่าทองให้ลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก มากจนกระทั่งไม่มีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ ในที่สุดก็ต้องเหตุที่ทำให้ท่านต้องละสังขารไปก่อนเวลาอันควร

          พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เป็นศูนย์รวมแห่งสรรพวิทยาการต่างๆ ทั้งสายพุทธาคมเมืองหลังสวน ประกอบด้วย หลวงพ่อขำ วฑฺฒนเถระ วัดประสาทนิกร, หลวงพ่อจันทร์ โกศโล วัดขันเงิน, พระครูอาทรธรรมวัตร (ชบ สุจิณโณ) วัดประสาทนิกร. สายหลวงพ่อแดง ติสฺสโร วัดแหลมสอ, สำนักเขาอ้ออันเกรียงไกร โดยได้ศึกษาเล่าเรียนกับ พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา หลวงพ่อคง สิริมโต วัดบ้านสวน พระอาจารย์หมุน ยสโร วัดเขาแดง สุดยอดวิชาที่พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ได้รับการชี้แนะจากพระอาจารย์หมุน ยสโร คือ สรรพวิทยาการเกี่ยวกับการติดต่อกับโลกแห่งวิญญาณ จุดนี้เองที่ทำให้นักเขียนท่านหนึ่งเข้าใจไปว่า เวลาที่พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม อธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่อง ท่านได้อัญเชิญพระเกจิอาจารย์สมัยอดีตกาลมาประทับทรงในร่างของท่าน แล้วนำไปเผยแพร่ในหนังสือชีวประวัติพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เล่มหนึ่ง ความเข้าใจนี้เป็นสิ่งที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง เท่าที่สัมผัสกับพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เป็นเวลานานกว่า ๗ ปี อยู่ร่วมในพิธีอธิฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน ผู้เขียนไม่เคยเห็นท่านประทับทรงเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะมีก็แต่เพียงการสื่อให้เทพหรือดวงวิญญาณพระเกจิอาจารย์ในอดีตมาประทับทรงในร่างของลูกศิษย์บางคนเท่านั้น

          การกระทำเช่นนี้ พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม จะทำเฉพาะในงานบูชาครูเท่านั้น แม้ว่าท่านจะรอบรู้และสนใจเรื่องไสยเวทย์ แต่ก็ไม่เคยโอ้อวดหรือทำอะไรพร่ำเพรื่อให้เขาติฉินนินทาได้ การที่ท่านเปิดตัวและทำการเป่าทองเข้าตัวอย่างจริงจัง ก็เพราะมุ่งมั่นที่จะสร้างตึกฐานธมฺโม ที่โรงพยาบาลหลังสวน ให้สำเร็จเท่านั้น


บทความที่เกี่ยวข้อง
หน้าปกบทความตอน ๒๐
ชีวประวัติ พระเครื่องและวัตถุมงคลพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม วัดถ้ำเขาเงิน หลังสวน ชุมพร ตีพิมพ์ระหว่างปี ๒๕๕๘ - ๒๕๕๙ รวม ๒๔ ตอน
20 ม.ค. 2025
หน้าปกพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ตอนที่ ๑๙
ชีวประวัติ พระเครื่องและวัตถุมงคลพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม วัดถ้ำเขาเงิน หลังสวน ชุมพร ตีพิมพ์ระหว่างปี ๒๕๕๘ - ๒๕๕๙ รวม ๒๔ ตอน
16 ม.ค. 2025
หน้าปกบทความพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ตอนที่ ๑๘
ชีวประวัติ พระเครื่องและวัตถุมงคลพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม วัดถ้ำเขาเงิน หลังสวน ชุมพร ตีพิมพ์ระหว่างปี ๒๕๕๘ - ๒๕๕๙ รวม ๒๔ ตอน
14 ม.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy