แชร์

พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ตำนานยอดพระเครื่องเมืองหลังสวน (๑๑/๒๔)

อัพเดทล่าสุด: 7 ธ.ค. 2024
22 ผู้เข้าชม

พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม วัดถ้ำเขาเงิน : ตำนานยอดพระเครื่องเมืองหลังสวน (๑๑/๒๔)

 โดย... ชายนำ ภาววิมล ...

          ในนิตยสารพระเครื่องลานโพธิ์ ฉบับที่ ๑๑๗๒ ผู้เรียบเรียงเกริ่นนำถึงประเด็นที่มีโอกาสเข้าไปสัมผัสและแบ่งเบาภาระของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ทางด้านการจัดสร้างพระเครื่องในนามและรูปของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ตั้งแต่ปี ๒๕๓๓ จนถึงกาลเวลาที่ท่านละสังขารไปในปี ๒๕๓๙ จำนวนมากกว่าสิบพิมพ์ เหตุที่เป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าไปสัมผัสและรับใช้พระสุปฏิปันโนผู้เป็นเลิศทางพุทธาคมของสำนักถ้ำเขาเงินในยุคหลังกึ่งพุทธกาล ความเดิมมีดังนี้ ทุกเช้าวันจันทร์ บรรดานักนิยมพระเครื่องทั้งหลายในกรมแรงงาน จะมานั่งเสวนาพูดคุยเรื่องพระเครื่องเป็นประจำที่หน้าโต๊ะทำงานของ จุฑาธวัช อินทรสุขศรี (ขณะนั้น ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตตรวจแรงงานที่ ๒ กองคุ้มครองแรงงาน) บุคคลสำคัญในวงการพระเครื่องที่มานั่งเสวนา ดูพระส่องพระกันเป็นประจำคือ สุธน ศรีหิรัญ และอีกหลายคนที่เล่นหาสะสมพระเครื่องในวงนอก มิได้มีบทบาทหรือชื่อเสียงในวงการพระเครื่องแต่อย่างใด ส่วนที่แวะเวียนมาเป็นครั้งคราวคือ สมศักดิ์ จวงสวัสดิ์ ข้าราชการกรมแรงงานที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเซียนใหญ่ในวงการพระเครื่องยุคนั้น การขอโอนย้ายจากสำนักงาน ป.ป.ส. มารับราชการที่ฝ่ายตรวจแรงงานที่ ๑ กองคุ้มครองแรงงาน เป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้เข้ามาคลุกคลีกับนักนิยมพระเครื่องอาวุโสอย่างจุฑาธวัช อินทรสุขศรี และสุธน ศรีหิรัญ และร่วมกันสร้างพระสมเด็จสีชมพูและพระปิดตามหาลาภองค์น้อย พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม วัดถ้ำเขาเงิน ต.ท่ามะพลา อ.หลังสวน จ.ชุมพร ซึ่งเป็นพระเครื่องที่สร้างชื่อเสียงให้กับพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม มากที่สุด

          เช้าวันจันทร์ปลายเดือนตุลาคม ปี ๒๕๓๒ ผู้เรียบเรียงปรารภในวงเสวนาว่า "รู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัว อยากสร้างพระปิดตาสักรุ่นหนึ่ง แต่ไม่อยากสร้างพระเครื่องถวายหลวงพ่อแช่ม ฐานุสฺสโก เพราะทำมาหลายพิมพ์แล้ว ต้องการทำถวายวัดอื่นบ้าง" สุธน ศรีหิรัญ พูดในกลุ่มว่า "ที่หลังสวน ชุมพร มีพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อรูปหนึ่ง ท่านเก่งมาก แต่เงียบหายไปนาน ไม่รู้ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่" จะด้วยเหตุบังเอิญหรือไม่ ก็ไม่ทราบได้ พอสุธน ศรีหิรัญ เอ่ยนามของท่าน ประสบชัย สินธุเสน เจ้าหน้าที่ตรวจแรงงาน เขตตรวจแรงงานสัมพันธวงศ์ (ในขณะนั้น) บอกว่า พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เป็นเกลอกับพ่อของเขาและขานอาสาว่าจะลงไปขออนุญาตสร้างพระปิดตาและขอมวลสารของท่านมาผสมในพระปิดตาชุดนี้ เมื่อเห็นเค้าว่าความเป็นจริงน่าจะเกิดได้ สุธน ศรีหิรัญ ก็รับภาระเป็นผู้รับแบบและประสานกับช่างฝีมือดีในการแกะแม่พิมพ์และปั๊มพระปิดตารุ่นนี้ รายละเอียดเป็นอย่างไร จะนำเสนอโดยพิสดารในตอนที่ว่าด้วยพระปิดตามหาลาภองค์น้อย

พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เป็นเลิศทางด้านพุทธาคมแห่งลุ่มน้ำหลังสวน

         พุทธคุณหรือปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากพลังจิตอันเปี่ยมล้นด้วยเมตตาบารมีของพระอริยสงฆ์หรือพระสุปฏิปันโนผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พระผู้ถึงพร้อมด้วยศีลาจริยาวัตรที่งามบริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นความมหัศจรรย์ที่ไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ชนิดใดมาพิสูจน์ได้ (ผู้เรียบเรียงไม่เห็นด้วยกับการนำคำว่า "พุทธคุณ" มาใช้กับปาฏิหาริย์อันเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นในพุทธศาสนา และมักใช้คำว่า"พลานุภาพ"แทน แต่คนส่วนใหญ่ยึดถือคำว่าพุทธคุณ ตามนัยดังกล่าว จึงขออนุโลมใช้ในที่นี้) บางครั้งดูเหมือนนิยายปรัมปรา ภาพยนตร์แฟนตาซีที่นำเสนอกันเพื่อความสนุกเพลิดเพลินโดยไม่มีแก่นสารอันใด จนบางกลุ่มมองว่าเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ ผู้ที่พบพบเห็นหรือมีประสบการณ์โดยตรงเท่านั้น จึงจะรู้ได้ด้วยตนเอง แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้บุคคลอื่นยอมรับ เชื่อได้อย่างสนิทใจ อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากพลังจิตอันแรงกล้าของพระอริยสงฆ์ พระสุปฏิปันโน พระเกจิอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในพระเวทวิทยาคม ก็ยังมีปรากฏให้เห็นเรื่อยมาถึงทุกวันนี้

          ณ วัดถ้ำเขาเงิน วัดเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในเมืองหลังสวน จังหวัดชุมพร วัดเล็ก ๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ทั้งเป็นที่พำนักจำพรรษาของพระสุปฏิปันโนที่เชี่ยวชาญในการเจริญพระกัมมัฏฐานและพระเวทวิทยาคมหลายรูป แต่ละรูปล้วนสำเร็จฌานสมาบัติจนสามารถแสดงฤทธิ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณโด่งดังจากอดีตถึงปัจจุบัน เป็นตำนานพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองหลังสวนที่เลื่องลือมานานกว่าหนึ่งศตวรรษคือ หลวงพ่อแดง พุทโธ พระสุปฏิปันโนที่ควรค่าแก่การเคารพนับถืออย่างยิ่ง ท่านเป็นพระแท้ที่สมถะ รักสันโดษ ไม่ติดยึดในโลกธรรมแปด เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จประพาสถ้ำเขาเงิน พระพุทธเจ้าหลวงทรงเลื่อมใสในศีลาจริยาวัตรและปฏิปทาของท่าน ทรงมีพระราชดำริที่จะพระราชทานสมณศักดิ์ให้ ก็บ่ายเบี่ยงไม่ขอรับ จะพระราชทานสิ่งของใด ก็บ่ายเบี่ยงไม่ขอรับเช่นกัน จนพระพุทธเจ้าหลวงทรงตรัสถามว่าต้องการสิ่งใด หลวงพ่อแดง พุทโธ จึงกราบบังคมทูลว่า ท่านต้องการ ๒ สิ่ง คือ ๑) เป็นพระธรรมดาสามัญ ๒) ต้องการให้เด็กๆ เรียกท่านว่าหลวงปู่เท่านั้น ความละเอียดต่างๆ นำเสนอไปแล้วในนิตยสารพระเครื่องลานโพธิ์ฉบับก่อนๆ ภายหลังจากที่หลวงพ่อแดง พุทโธ ละสังขารไปแล้ว วัดถ้ำเขาเงิน มีเจ้าอาวาสสืบต่อกันมาหลายรูป แต่มิได้มีการพัฒนาทาง ด้านถาวรวัตถุเหมือนดั่งที่วัดอื่นกระทำกันในทุกวันนี้ วัดถ้ำเขาเงินจึงเป็นเพียงวัดเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสงบเงียบ ศาสนวัตถุและถาวรวัตถุต่างๆ ก็ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา

           เมื่อเอ่ยถึงนาม"หลวงพ่อคล้อย ฐานธมฺโม" วัดถ้ำเขาเงิน หรือ "พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม" ทางแบบอย่างที่ทางใต้เรียกขานกัน นักนิยมพระเครื่องเมื่อยี่สิบหรือสามสิบปีที่แล้ว น้อยคนนักที่จะรู้จักมักคุ้นหรือได้ยินชื่อเสียงเกียรติคุณของท่านมาก่อน ที่เป็นเช่นนี้เพราะพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เป็นพระที่สมถะรักสันโดษ พูดน้อยพูดเท่าที่จำเป็น ไม่ยินดียินร้ายในลาภยศสรรเสริญ หลังพิธีเสด็จกลับและพิธีไตรมาส ปี ๒๕๑๑ เป็นต้นมา ข่าวคราวของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ก็เงียบหายไปจากวงการพระเครื่องเป็นเวลานานถึง ๒๒ ปี ช่วงระยะเวลา ๒๒ ปีที่ไม่มีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ไม่ปรากฏว่ามีการสร้างวัตถุมงคลอื่นใด นอกจากเหรียญรุ่นแรกของท่านที่จัดสร้างในปี ๒๕๒๒ ระยะห่าง ๑๑ ปีเป็นตัวเลขมหัศจรรย์ที่น่าคิดเหมือนกันว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ที่การสร้างพระเครื่องครั้งแรกของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ทำในปี ๒๕๑๑ จากนั้นว่างเว้นไป ๑๑ ปี จึงมีการสร้างเหรียญรุ่นแรก ในปี ๒๕๒๒ และว่างเว้นไปอีก ๑๑ ปี คณะศิษย์สายกองคุ้มครองแรงงาน กรมแรงงาน เข้าไปขออนุญาตสร้างพระปิดตามหาลาภองค์น้อยถวาย จากปีนั้นเป็นต้นมา จึงได้มีการจัดสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆ สืบต่อกันมาทุกปี จนถึงปี ๒๕๓๙ ซึ่งเป็นปีที่ท่านละสังขาร การเปิดตัวสู่วงการพระเครื่องและจัดสร้างวัตถุมงคลในช่วง ๗ ปีสุดท้ายแห่งอายุกาลของท่าน เป็นเพราะความจำเป็นที่จักต้องทำนุบำรุง ซ่อมแซมศาสนวัตถุและถาวรวัตถุภายในวัดถ้ำเขาเงินที่ชำรุดทรุดโทรมไปกับกาลเวลา รวมตลอดทั้งการสร้างสรรค์สาธารณประโยชน์ต่างๆ ในเขตหลังสวนและอาณาบริเวณข้างเคียง

          แม้ว่าในยุคนั้น พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม จักไม่ค่อยโด่งดังในวงการพระเครื่องมากนัก แต่กับสาธุชนอีกกลุ่มหนึ่ง พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ประจักษ์พยานที่สังเกตเห็นได้อย่างเด่นชัด คือ สามารถสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ที่มีมูลค่ากว่าสิบล้านบาทให้เสร็จสิ้นในเวลาเพียงสามปี และทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จไปเป็นองค์ประธานในพิธียกช่อฟ้าเมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๓๗ (วันที่สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา ทรงเสด็จไปเป็นประธานในพิธียกช่อฟ้า มีความคลาดเคลื่อนไม่ตรงกันระหว่างหนังสือเล่มหน้าปกสีแดงซึ่งผู้เรียบเรียงเป็นผู้เขียนในนามศิษย์พ่อหลวง กับคำบรรยายภาพที่ระบุในหนังสือพ่อหลวงคล้อย ฐานธมฺโม วัดถ้ำเขาเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร วันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๐ ครบรอบ ๑๐๐ วัน ที่ระบุว่าเป็นวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๓๗ โดยข้อเท็จจริงแล้ว วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๓๗ น่าจะไม่ถูกต้อง เพราะหลังจากพิธียกช่อฟ้าแล้ว พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม จัดสร้างพระยอดธงจำนวนหนึ่งและสั่งให้ผู้เรียบเรียงรับเป็นธุระในการดำเนินงานจัดสร้างพระปิดตาหลัง สธ และนำเข้าพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวในวันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๓๗ ซึ่งเป็นงานสังเวยครูหรืองานบูชาครูที่ท่านจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี)

            ประสบการณ์ที่ทำให้ชื่อเสียงเกียรติคุณของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว คือ การเป่าทองเข้าตัว ซึ่งเป็นสุดยอดวิชาของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม การเป่าทองของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากพระเกจิอาจารย์ทั่วไป ความพิสดารในการเป่าทองเข้าตัวของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม คือ เป็นการเป่าทองที่ไม่ต้องแกะแผ่นกระดาษที่ห่อหุ้มทองออก ในขณะทำพิธี ผู้ที่ได้รับการเป่าทองเข้าตัวหลายคนพูดตรงกันว่า มีความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเคลื่อนที่เข้ามาในหน้าผากของตน จำนวนแผ่นทองที่พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม หยิบขึ้นมาทำพิธีเป่าทองแต่ละครั้งไม่เท่ากัน มากบ้างน้อยบ้างสุดแล้วแต่ท่านจะหยิบขึ้นมา มิได้มีการกะเกณฑ์หรือตั้งเป้าไว้ว่าต้องเป่าเข้ากี่แผ่น ส่วนจะเป่าเข้าไปกี่แผ่นนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของบุญบารมีและโชควาสนาของแต่ละบุคคล สูงสุดที่ผู้เรียบเรียงเคยเห็นด้วยตนเอง มิใช่คำบอกเล่าคือ ๒๑ แผ่น ส่วนตัวผู้เรียบเรียงเองเคยขอให้ท่านเป่าทอง ๓ ครั้ง ครั้งแรก ๑๙ แผ่น (กำลังพระพฤหัสบดี) ครั้งที่สอง ๑๒ แผ่น (กำลังพระราหู) ครั้งที่สาม ๑๖ แผ่น (กำลังโสฬส) ประเด็นเรื่องจำนวนแผ่นทองที่เป่าเข้าหน้าผาก มีผู้นำไปเปรียบเทียบกับการเป่าทองของบางสำนักที่พระเกจิอาจารย์เจ้าสำนักรับประกันว่าสามารถเป่าทองเข้าหน้าผากทีละหลายสิบแผ่น และมีผู้ยืนยันว่าเคยเห็นพระเกจิอาจารย์สำนักนั้นทำได้จริง ข้อเท็จจริงเป็นประการใดผู้เรียบเรียงไม่มีโอกาสเข้าไปสัมผัสหรือพบเห็น แต่สิ่งที่รับรู้จากประสบการณ์ตรงที่พบเห็นการเป่าทองของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ครั้งแล้วครั้งแล้ว มีข้อสังเกต ดังนี้

                 ๑) ในการเป่าทองแต่ละครั้ง พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ภาวนาพระคาถาไม่เหมือนกันและอัญเชิญเทวดามาประสิทธิ์ประสาทพรต่างกัน เสมือนหนึ่งว่าท่านเพ่งพิจารณาตามบุญบารมีและโชควาสนาของแต่ละบุคคล
                 ๒) จำนวนแผ่นทองที่ท่านเป่าเข้าไป บ่อยครั้งที่เข้าไปตามกำลังเทวดา มิได้เป็นไปตามอำนาจจิตของท่าน
                 ๓) หลายครั้งที่ท่านปฏิเสธไม่ยอมเป่าทองให้หลายคน เคยกราบเรียนถามท่านว่าเหตุใดจึงไม่ทำพิธีเป่าทองให้คนเหล่านั้น พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม บอกกับผู้เรียบเรียงว่าคนเหล่านั้นไม่มีบุญวาสนา คนที่เป่าทองต่ำกว่าสิบมักเป็นผู้ที่มีบุญวาสนา ส่วนคนที่เป่าไม่เข้าเลยนั้นเป็นคนอาภัพ บางคนก็ใกล้สิ้นบุญ
                 ๔) ในการเป่าทองให้ผู้เรียบเรียงครั้งแรก มีลูกศิษย์สายหลักอีกสายหนึ่งมาขอให้ท่านทำพิธีเป่าทองให้เช่นกัน (ต้องขออภัยที่ลืมชื่อบุคคลท่านนี้ไปแล้ว เพราะไม่ได้พบกับท่านผู้นี้มานานกว่า ๒๐ ปี) เมื่อพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เป่าทองให้ทุกคนเสร็จแล้ว ต่างก็หยิบกระดาษห่อหุ้มแผ่นทองนั้นมาตรวจนับว่าแต่ละคนเข้าไปกี่แผ่น ปรากฏว่าแผ่นทองของบุคคลท่านนี้หายไปสิบแผ่น ตอนแรกว่าจะหยุดนับแค่นั้น แต่นึกอย่างไรจำได้ไม่แน่ชัด พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม บอกให้ข้ามไปตรวจดูแผ่นต่อๆ ไป ปรากฏว่าทองคำเปลวหายไปอีก ๗ แผ่น รวมแผ่นทองที่หายไป ๑๗ แผ่น ซักไซ้ไล่เรียงกัน ได้ใจความว่า "เสี้ยววินาทีหนึ่งที่พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ทำพิธีเป่าทองให้นั้น จิตเกิดต้านขึ้นชั่ววูบ รู้สึกเหมือนแผ่นทองที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาสะดุดไปจังหวะหนึ่ง เมื่อจิตเลิกต้าน แผ่นทองก็เคลื่อนเข้ามาตามจำนวนที่ควรเป็น"

           ข้อสังเกตทั้ง ๔ ประการดังกล่าว พอสรุปได้ว่า การเป่าทองเข้าตัวของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม มีความแตกต่างจากการเป่าทองของสำนักอื่น ๆ เล่าสืบต่อกันมาว่าวิชาเป่าทองเข้าตัวเป็นเสมือนไม้ตายที่ท่านได้รับการถ่ายทอดมาจากพระอาจารย์คง อาจารย์ของขุนแผน พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม เล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า "พระอาจารย์คงถ่ายทอดวิชานี้ให้กับอาจารย์ชุม ไชยคีรี และท่าน อาจารย์ชุม ไชยคีรี เก่งมาก เรียนรู้ไวและทำได้ก่อนท่านกว่าหนึ่งเดือน" อุปเท่ห์ของการเป่าทองเข้าตัวนี้มีจุดมุ่งหมายต่างจากวิชานะหน้าทองซึ่งเน้นอุปเท่ห์ด้านเมตตามหานิยมเป็นหลัก วิชาเป่าทองของพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม มีอุปเท่ห์ด้านเกื้อกูลค้ำคูณให้ลูกศิษย์ที่ได้รับการเป่าทองเข้าตัวจากท่านมีความเจริญรุ่งเรือง อุดมสมบูรณ์พูนสุข การเป่าทองแต่ละครั้ง พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ต้องใช้พลังจิตสูงมาก น้อยคนนักที่มีโอกาสรับรู้ว่า หลังการเป่าทองแต่ละครั้ง ท่านมีความอ่อนล้าเพียงใด นี่กระมังที่เป็นเหตุสำคัญให้ท่านต้องละสังขารก่อนเวลาอันสมควร การเป่าทองเข้าตัวให้คนเพียงคนเดียว คงไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่ แต่บ่อยครั้งที่ท่านต้องเป่าทองเข้าตัวให้กับลูกศิษย์คราวละหลายๆ คน บางครั้งถึงสิบคนก็ยังเคยเห็นเช่นกัน

          การใช้วิชาเป่าทองเข้าตัวสงเคราะห์ลูกศิษย์ลูกหาและญาติโยมทั่วไป หากทำพิธีให้กับผู้ที่มีบุญบารมีและมีโชควาสนาดี คงไม่เป็นกระไรมากนัก กรณีที่ทำให้กับผู้ที่อยู่ในช่วงตกอับหรือชะตาตก ผู้ที่เจ้ากรรมนายเวรตามมาทวงหนี้กรรมที่เคยมีต่อกัน ผู้ที่ทำพิธีย่อมต้องสูญเสียหรือรับวิบากบางสิ่งบางอย่างเพื่อชดเชยกับการเข้าไปขวางกั้นมิให้กลไกของกรรมทำหน้าที่ตามธรรมชาติ การเร่งเวลาให้ลูกศิษย์ลูกหาได้รับอานิสงส์จากบุญเก่าที่เคยกระทำแต่ปางก่อนก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน ข้อสังเกตนี้ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของท่านผู้อ่านแต่ละท่านว่าสมควรเชื่อตามหรือไม่ แต่ผู้เรียบเรียงเคยมีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้หลายครั้ง และเชื่อมั่นเต็มร้อยว่าพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม รับวิบากจากการตรากตรำทำพิธีเป่าตัวเข้าตัวเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมและลูกศิษย์ลูกหาของท่านเป็นจำนวนมาก มากจนกระทั่งไม่มีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ ในที่สุดก็ต้องละสังขารไปก่อนเวลาอันควร

           นอกจากการเป่าตัวเข้าทองแล้ว พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ยังมีวิชาหลายอย่างที่ท่านสามารถทำให้เห็นจริงอย่างเป็นอัศจรรย์ อาทิ น้ำมนต์ดอกบัวบาน ซึ่งเป็นวิชาที่ใช้ในการทำนายทายทักโชคชะตาให้กับลูกศิษย์ลูกหาที่ได้รับการเป่าทองเข้าตัวจากท่าน แต่ในช่วงสุดท้ายหรือ ๕ - ๖ ปี ก่อนที่ท่านจักละสังขาร พ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม แทบจะไม่ได้ใช้วิชานี้เลย เหตุผลหนึ่งมาจากปริมาณคนที่มาขอให้ท่านเป่าทองเข้าตัวมีจำนวนมาก เวลาที่จะใช้ในการทำน้ำมนต์ดอกบัวบานก็ลดน้อยหรือมีไม่เพียงพอสำหรับการทำพิธีแต่ละครั้ง และผู้ที่เดินทางมาขอความเมตตาจากท่านให้เป่าทองเข้าตัว ส่วนใหญ่มิได้รับรู้หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมนต์ดอกบัวบานมาก่อน ประการสุดท้าย คงไม่พ้นเรื่องดอกบัวที่น้ำมาใช้ มีข้อกำหนดบางประการที่ทำให้หาดอกบัวมาทำพิธียากมาก


บทความที่เกี่ยวข้อง
หน้าปกบทความตอน ๒๐
ชีวประวัติ พระเครื่องและวัตถุมงคลพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม วัดถ้ำเขาเงิน หลังสวน ชุมพร ตีพิมพ์ระหว่างปี ๒๕๕๘ - ๒๕๕๙ รวม ๒๔ ตอน
20 ม.ค. 2025
หน้าปกพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ตอนที่ ๑๙
ชีวประวัติ พระเครื่องและวัตถุมงคลพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม วัดถ้ำเขาเงิน หลังสวน ชุมพร ตีพิมพ์ระหว่างปี ๒๕๕๘ - ๒๕๕๙ รวม ๒๔ ตอน
16 ม.ค. 2025
หน้าปกบทความพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม ตอนที่ ๑๘
ชีวประวัติ พระเครื่องและวัตถุมงคลพ่อท่านคล้อย ฐานธมฺโม วัดถ้ำเขาเงิน หลังสวน ชุมพร ตีพิมพ์ระหว่างปี ๒๕๕๘ - ๒๕๕๙ รวม ๒๔ ตอน
14 ม.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy